วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประวัติศาสตร์เวียดนามช่วง (ค.ศ.1010-ค.ศ.1527)

ยุคทองแห่งประวัติศาสตร์(ค.ศ.1010- ค.ศ1527)
          เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์เล (former Le Dynasty)ราชสำนักจึงเลือกแม่ทัพลี้กงอ๋วน (Ly Cong Uan) ขึ้นครองราชย์บัลลังค์ลี้กงอ๋วนเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้คุมกำลังทหารมีโอกาสชิงราชบัลลังค์ได้นับตั่งแต่จักรพรรดิเลฮ่วนสวรรคต แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น จนที่สุดราชสำนักเห็นว่าท่านผุ้เหมาะสมที่จะอัญเชิญขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ ลี้ไท้โต๋ (Ly Thai To)ในปีค.ศ.1010 สถาปนาราชวงศ์ลี้ เปลี่ยนชื่ออาณาจักรเป็นอาณาจักรเป็นได่เวียด  (Dai Viet) นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองในประวัติศาสตร์เวียดนาม ในยุคนี้ได้มีการวางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างสำคัญมากมาย ทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองหวงเดิมที่ล้อมรอบด้วยภูเขาซึ่งเป็นป้อมปราการตามธรรมชาติ มายังเมืองหลวงใหม่คือ เมืองทางลอง (Thang Long)หรือ Long คือ หลงในภาษาจีนกลางแปลว่ามังกร ทาง Thang หมายถึงขึ้นหรือบินขึ้น อาจแปลว่ามังกรเหิร ปัจจุบัน คือ เมืองฮานอยนั่นเอง ฮานอยจะฉลอง 1,000 ปีในค.ศ.2010)ในช่วงเวลานั้น ทางลองเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเกษตรกรรม วัฒนธรรม และการค้าตามริมฝั่งแม่น้ำแดง
          จักรพรรดิลี้ไท้โต๋ ทรงมุ่งพัฒนาความแข็งแรงทางเศรษฐกิจมากกว่ากำลังทหารอย่างมนราชวงศ์ก่อนๆกษัตริย์ราชวงศ์ลี้ในยุคต่อมายังคงพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างทำนบกั้นน้ำและระบบชลประทานเพื่อการเกษตร ก่อตั้งโรงเรียนระดับสูง (เรียกได้ว่ามหาวิทยาลัย ตั้งขึ้นในปีค.ศ.1070) มีการสอบเข้ารับราชการ (สอบจองหงวน)จัดระบบภาษีใหม่ ส่งเสริมพระพุทธศาสนา มีการสร้างวัดอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังควบคู่ไปกับสิทธิขงจื้อและเต๋า ในช่วงราชวงศ์ลี้มีสงครามใหญ่กับราชวงศ์ของจีน 2 ครั้งในปี ค.ศ.1075 และค.ศ. 1076bและรุกขยายดินแดนลงใต้สู่อาณาจักรจามปา วีรบุรุษผู้ทำการรบกับกองทัพจีน คือขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง คือ แม่ทัพ ลี้เทื่องเกียต (Ly Thong Kiet) การรบกับจีนต่างฝ่ายต่างไม่สามารถชนะต่อกันได้จึงหย่าศึกกันในที่สุด หลังจากนั้นอาณาจักรได่เวียดก็อยู่ต่อมาได้อย่างสันติสุข
          ราชวงศ์ลี้ปกครองได่เวียตตั้งแต่ ค.ศ.1010- ค.ศ.1225 มีกษัตริย์ 9 พระองค์ รวมเป็นเวลา 216 ปี ซึ่งนับเป็นราชวงศ์แรกที่สามารถดำรงอยู่เนื่องยาวนานจึงสามารถพัฒนาประเทศได้เป็นอันมาก ตอนปลายราชวงศ์ลี้เมื่อราชสำนักเริ่มอ่อนแอ ขุนนางที่มีอำนาจในขณะนั้น คือ จรั่นถูโด (Tran Thu Do) บีบบังคับกษัตริย์ให้ออกบวช แล้วยกเอาพระราชธิดาของกษัตริย์ พระองค์นั้นซึ่งมีพระชนมายุเพียง 7พรรษา ขึ้นเป็นราชินีแล้วจัดให้มีการอภิเษกกับหลานชายตนเอง ที่มีอายุ 8 ปี แลัวบังคับให้สละราชสมบัติให้กับหลานชายตนเอง จึงเป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์ลี้ และเริ่มต้นราชวงศ์จรั่นโดยมีหลานชายของเขาเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์และดำรงราชวงศ์ต่อมา175 ปีมีกษัตริย์ 13 พระองค์ (ค.ศ. 1225-ค.ศ.1400)
          ในราชวงศ์จรั่น อาณาจักกรได่เวียดต้องทำสงครามต่อต้านการบุกรุกจากกองทัพมองโกลของกุบไล่ข่านอันเกรียงไกรถึง 3ครั้ง (ค.ศ.1258,ค.ศ.1285,ค.ศ.1288) ยุทธศาสตร์สำคัญที่กองทัพได่เวียดใช้ คือ หลีกเลี่ยงการปะทะในที่โล่ง ใช้กลศึกหลอกกล่อ พวกมองโกให้เข้ายึดเมืองร้างแล้วซุ่มโจมตี แม่ทัพผู้นำทัพต้านมองโกลนี้ คือ วีรบุรุษอีกท่านหนึ่งชื่อ แม่ทัพจรั่นฮึงด่าว (Tran Hung Dao)โดยทำการศึกษาครั้งที่สำคัญที่สมรภูมิแม่น้ำบักดั่ง(The Battle of Bach Dang River) โดยมองโกลยกกองเรือหวังเข้าโจมตีทางน้ำแต่ทัพจรั่นฮึงด่าวใช้กลศึกเดียวกับแม่ทัพโงเควี่ยนในอดีต โดยลวงให้เรือข้าศึกให้ติดตามเข้ามาในแม่น้ำตอนน้ำขึ้น เมื่อถึงเวลาให้กองกำลังที่ซุ่มอยู่เข้าโจมตี กองเรือมองโกลต้องถอยร่นกลับไปทางปากแม่น้ำตอนน้ำลง แต่ต้องติดกับดักไม้ซุงปลายแหลมที่สร้างเตรียมไว้ กองเรือมองโกลจึงติดขวากไม้ถูกตีแตกพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ราชวงศ์จรั่นสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1400เมื่อขุนนางชื่อโฮกุ้ยลี (Ho Quy ly) บีบบังคับให้กษัตริย์สละราชสมบัติ แต่ราชวงศ์โฮก็อยู่ได้เพียง 7 ปี ถึงปี ค.ศ. 1407 ก็ถูกกองทัพหมิงบุกเข้ายึดครองผนวกดินแดนเข้ากับจีนโดยอ้างว่า ไม่มีผู้สืบราชวงศ์จรั่น ต่อมาปี ค.ศ.1418 คหบดีผู้หนึ่งซึ่งมักช่วยเหลือคนยากจน และเป็นที่ยกย่องนับถือของคนทั่วไปชื่อ เลเหล่ย (Le Loi)รวบรวมผู้คนขึ้นต่อต้านอำนาจหมิงจนในที่สุด เลเหล่ยสามารถบุกยึดเมืองทางลอง ได้ขับไล่กองทัพหมิงสำเร็จในปีค.ศ.1428 เลหเล่ยจึงขั้นเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เล ราชวงศ์เลต่างจากราชวงศ์ลี้และจรั่นซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากจากศาสนาพุทธแต่กษัตริย์ในราชวงศ์เลยึดลัทธิขงจื๊อเป็นหลักศิลปะและสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากจีนเป็นอย่างมาก ในปี ค.ศ.1471 ได่เวียดบุกเข้ายึดจามปาได้สำเร็จ อาณาจักรจามปาจึงมีขนาดเล็กลง และถึงจุดล่มสลายไปใน 2-300 ปีหลังจากนั้น


1 ความคิดเห็น:

  1. เป็นข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมของประเทศเวียดนามอย่างยิ่ง ขออนุญาตเรียนรู้และอ้างอิง เพื่อสร้างความรู้ทางวิชาการสู่สังคมอาเซียนสืบไป ขอขอบคุณยิ่ง ครับ

    ตอบลบ