ยุคแห่งการแบ่งแยก
(ค.ศ.1528-ค.ศ.1802)
ปี ค.ศ.1527 ได่เวียดก็ถูกแยกออกเป็น2ฝ่าย ฝ่ายเหนือราชวงศ์เล
ถูกชิงอำนาจโดยขุนพลตระกูลหมัก ตั้งเป็นราชวงศ์หมัก ส่วนกลุ่มราชวงศ์เลเดิมถอยหนีย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ทางใต้ของได่เวียดจนกระทั่งปี
ค.ศ.1592 ราชวงศ์หมักก็พ่ายแพ้ต่อฝ่ายราชวงศ์เล
ภายใต้การนำของขุนนางตระกูลจริน (Thinh) อาณาเขตตอนเหนือของได่เวียด
ถึงแม้จะยังมีกษัตริย์ราชวงศ์เลปกครองอยู่
แต่อำนาจที่แท้จริงจึงตกอยู่ภายใต้การครอบงำของตระกูลจริน
ปี ค.ศ. 1600 ตระกูลเหวียนซึ่งเดิมเคยอยู่ร่วมฝ่ายราชวงศ์เล
ร่วมกับตระกูลจรินแต่เกิดความไม่ไว้วางใจกันระหว่างทั้งสองตระกูลเหวียนและจริน
ตระกูลเหวียนจึงแยกออกไปปกครองอาณาเขตตอนใต้ของได่เวียด(ตอนกลางของเวียดนามปัจจุบัน)ประกาศตัวเป็นกษัตริย์มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองเว้(Hue) ปกครองโดยอิสระโดยไม่ขึ้นกับตระกูลจริน
ทั้งสองตระกูลเหวียนและจรินทำสงครามรบพุ่งกันเป็นเวลานานตั่งแต่ ค.ศ.1627-1672 จึงยุติสงคราม
และแยกดินแดนปกครองออกเป็นสองส่วนและอยู่ร่วมกันปราศจากการสู้รบกันต่อมาอีกประมาณ 100 ปี ในช่วงเวลานั้น ตระกูลเหวียดได้รบขยายอาณาเขตลงมาทางใต้
ครอบครองดินแดนของอาณาจักรจามปาที่เหลือ และขยายต่อลงมาจนถึงแถบลุ่มแม่น้ำโขง คือ
บริเวณเมืองไซ่ง่อนในปัจจุบัน
ปี ค.ศ. 1771 เกิดกบฏไตเซิน (Tay Son Rebrllion) โดยมีผุ้นำ คือ 3 พี่น้องตระกูลเหวียน (ซึ่งได้มีความเกี่ยวพันกับตระกูลเหวียนที่อยู่ในอำนาจขณะนั้น) มีเหวียนเว่ (Ngyuyen)เป็นผู้นำเข้ายึดอำนาจจากกลุ่มตระกูลเหวียนผู้มีอำนาจในปี
ค.ศ. 1776 ทายาทตระกูลเหวียนผู้อยู่ในอำนาจเดิมชื่อว่า
เหวียนอ๋าน(Nguyan Anh)หลบหนีมายังประเทศสยาม
และขอกำลังช่วยเหลือจักรจากพระเจ้าตากสินกลับมาทำการรบ แต่ไม่อาจเอาชนะเหวียนเว่ได่
(พระเจ้าตากครองราชย์ช่วงปีค.ศ.1767-ค.ศ.1782)
จากนั้นปี ค.ศ. 1786 เหวียนเว่ นำกองทัพรุกขึ้นทำสงครามกับตระกูลจรินทางเหนือ
เข้ายึดเมืองทางลอง (ฮานอย) สำเร็จ
และประกาศตนขึ้นเป็นจักรพรรดิ แต่ก็ถูกลอบวางยาพิษสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา
ราชวงศ์สุดท้าย (ค.ศ. 1802-ค.ศ. 1945) ในช่วงนั้นอาณาจักรได่เวียดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มไต่เซิน ปกคอรงภาคกลาง จักรพรรดิเหวียนเว่ปกครองภาคเหนือ
ส่วนทางใต้เหวียนอ๋านทายาทตระกูลเหวียนพยายามดิ้นรนต่อสู้
ในที่สุดสามารถเข้ายึดครองยาดินห์ Gai Dinh (เมืองไซ่ง่อนหรือโฮจิมินห์ในปัจจุบัน)
เป็นที่มั่นได้สำเร็จในปี ค.ศ.1788
จากนั้นจึงยกทัพขึ้นทำศึก และสามารถเข้ายึดครองทางลอง (ฮานอย) เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศ “เวียดนาม” อย่างที่เรียกกันมาจนถึงปัจจุบัน ราชวงศ์เหวียนเป็นราชวงศ์สุดท้ายของเวียดนามในการปกครองประเทศในระบบกษัตริย์
นับแต่พระเจ้ายาลองจนถึงกษัตริย์องค์สุดท้าย คือ กษัตริย์เป๋าได่ (Bao Dai)รวม143 ปี ตั่งแต่ ค.ศ. 802-ค.ศ.1945 รวมกษัตริย์ 13 พระองค์
ตกเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส ชาติตะวันตกเริ่มเข้าในเวียดนามตั่งแต่ช่วงศตวรรษที่
1600 ด้วยการค้าและเผยแพร่ศาสนา พระเยซูอิทชาวฝรั่งเศส Alexandre de
Rhodes ได้เข้ามาพัฒนาภาษาเวียดนามที่เดิมใช้ตัวอักษรจีน
มาใช้ตัวอักษรโรมันแทน
ในสมัยราชวงศ์เหวียดยึดมั่นในนระบบของขงจื้อและต่อต้านตะวันตกจึงมีเหตุขัดแย้งทางศาสนาเกิดขึ้น
และมีเหตุให้บาทหลวงชาวฝรั่งเศสถูกประหารชีวิต
ในปี
ค.ศ. 1858 ฝรั่งเศสจีนส่งเรือรบเข้าโจมตีเมืองทูเรน (Tourane)เมืองดานัง
Da nang ปัจจุบัน)
จนเสียหายแต่ยังไม่สามารถยึดเมืองได้ จึงมุ่งลงใต้เข้ายึดเมืองยาดินห์ได้สำเร็จ
ต่อมาในปีค.ศ.1859-1867 คือขยายเขตเข้ายึดครองอีก 6 เมือง ทางใต้ตั้งเป็นเขตอาณานิคมเรียกว่า โคชิน-ไชนน่า
(Cochin China)และต่อมาฝรั่งเศสก็สามารถเข้ายึดครองเวียดนามทั้งหมดโดยตอนใต้ตั้งเป็นอาณานิคม
ส่วนตอนกลางตั้งเป็นรัฐอารักขา ซึ่งยังมักกษัตริย์ราชวงศ์เหวียนเป็นประมุขในนามและตอนเหนือปกครองโดยผู้ว่าราชการชาวฝรั่งเศส
อาณานิคมของฝรั่งเศสจึงถูกตั้งขึ้นในปีค.ศ.1887 โดยรวมทั้ง 3 ส่วนของเวียดนามเข้ากับกัมพูชาและรวมลาวเข้าด้วยกันด้วยในปีค.ศ. 1893 เรียกว่าสหภาพอินโดจีน (Union of Indochina) ในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมนี้ฝรั่งเศสได้พัฒนาหลายสิ่งหลายอย่าง
เช่น ระบบการศึกษา พัฒนาการเกษตร พัฒนาระบบการเมือง ระบบถนน การสารธารณสุข
มีการส่งออกสินค้าเกษตรมากมายแต่ผลประโยชน์ตกกับฝรั่งเศส
ชาวเวียดนามผู้รักชาติพยายามต่อสู้เพื่อเรียกร้องอิสรภาพอย่างต่อเนื่อง
แต่ฝรั่งเศสยังคงรักษาการควบคุมไว้ได้จนปี ค.ศ.1940
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2หลังจากญี่ปุ่นบุกเข้ายึดอินโดจีนได้แล้วแต่ยังอยู่ในการปกครองฝรั่งเศสเป็นรัฐบาลหุ่นเชิด
เป็นข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมของประเทศเวียดนามอย่างยิ่ง ขออนุญาตเรียนรู้และอ้างอิง เพื่อสร้างความรู้ทางวิชาการสู่สังคมอาเซียนสืบไป ครับ
ตอบลบ