ต้นปี ค.ศ.1945 ญี่ปุ่นยึดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จขับไล่ฝรั่งเศสออกจากอินโดจีน
กษัตริย์เป๋าได่ ประกาศให้เวียดนามเป็นเอกราชแต่ในความเป็นจริงยังอยู่ภายใต้อำนาจของญี่ปุ่น
โดยในเดือนสิงหาคม 1945
เมื่อญี่ปุ่นยอมจำนนต่อพันธมิตรหลังจากถูกระเบิดปรามาณูที่ฮิโรชิม่าและนางากิ
จึงเกิดสุญญากาศทางอำนาจเวียดนาม เวียดมินห์ทำการปฏิวัติที่เรียกว่า
การปฏิวัติเดือนสิงหาคม (August Revolution)
เข้ายึดที่ทำการรัฐบาลกษัตริย์เบ๋าได่ทรงสละอำนาจ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 1945
โฮจิมินห์ในฐานะผู้นำเวียดมินห์ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ประกาศเวียดนามเป็นเอกราชเมื่อวันที่
2 กันยายน 1945 เรียกชื่อประเทศว่า
สาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนาม (Democratic public of Vietnam)วันที่ 2 กันยายน จึงถือเป็นวันชาติของเวียดนามและวันหยุดราชการของทุกปี อย่างไรก็ตาม หลังสงครามโลกครั้งที่2 เมื่อกองกำลังอังกฤษและฝรั่งเศส เข้าปลดอาวุธกองทัพญี่ปุ่นในเวียดนามใต้
ฝรั่งเศสได้กลับเข้ามามีอิทธิพลในเวียดนามใต้อีกครั้ง
แต่ตระหนักดีว่าระบบอาณานิคมแบบเดิมล่มสลาย
จึงใช้วิธีการใหม่สร้างเป็นรัฐกึ่งเอกราชที่อยู่ในกลุ่มสหพันธ์ของฝรั่งเศส (French
Union) โดยมีกษัตริย์เบ๋าได่เป็นประมุขรัฐ
ในปีค.ศ.1947 จึงเริ่มเกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างฝรั่งเศสกับเวียดมินห์
และทำสงครามต่อมาอย่างยืดเยื้อยาวนาถึง 8 ปี
ในที่สุดเวียดมินห์ก็สามารถเอาชนะฝรั่งเศสได้อย่างราบคาบที่ศึกเดียนเบียนฟูในปี
ค.ศ.1954
จากนั้นกองกำลังเวียดมินห์ทำการรุกต่อเพื่อรวมประเทศจึงต้องสู้รรบกันเองระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้
จนกระทั่งสุดท้ายต้องมีการเจรจาสันติภาพเจนีวา(Ganeva Accord) ซึ่งมีมติให้แบ่งประเทศเป็นสองส่วนที่เส้นขนานที่17
แบ่งเป็นเวียดนามเหนือซึ่งมีโฮจิมินห์เป็นผู้นำ
และเวียดนามใต้มีกษัตริย์เบ่าได่เป็นประมุข และมีโงดินเยียม(Ngo Dinh Diem)เป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมของประเทศเวียดนามอย่างยิ่ง ขออนุญาตเรียนรู้และอ้างอิง เพื่อสร้างความรู้ทางวิชาการสู่สังคมอาเซียนสืบไป ครับ
ตอบลบ